หัวใจของศาสนาอิสลาม
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556
ข้อห้ามของศาสนาอิสลาม
ข้อห้ามของศาสนาอิสลาม
ข้อห้ามของศาสนาของอิสลามก็คือ ตรงข้ามของข้อปฏิบัติทั้ง 5 ข้อ ยกตัวอย่างเช่น ห้ามตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า หรือ กราบไหว้ ไม่เคารพบูชารูปถ่าย รูปปั้น ไม่มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ ห้ามทำนายหรือเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เป็นต้น แม้กระทั่งเมื่อมุสลิมเสียชีวิตแล้ว ห้ามนำไปผ่า หรือรักษาสภาพไว้ ต้องนำไปฝังภายใน 24 ชั่วโมง และห้ามนำไปเผา ก่อนจะนำไปฝังต้องการละหมาดให้แก่ผู้เสียชีวิตและมีการอาบน้ำละหมาดให้แก่ผู้เสียชีวิตอีกด้วย
ห้ามแต่งกายโดยเปิดเผยหรือไม่สุภาพ ควรแต่งกายให้มิดชิด และอาหารต้องห้ามของศาสนาอิสลาม ก็คือห้ามกินหมู ศาสนาอิสลามทำไมถึงต้องห้ามกินหมู เพราะ หมูเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจและหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องสืบพันธุ์ ไม่ชอบแสงอาทิตย์ เป็นสัตว์ขี้กลัว หมูจะกินแทบทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสกปรกโสโครกเพียงใด มันจะชอบสถานที่สกปรกกว่าที่สะอาด หมูจะเป็นแหล่งที่มีพยาธิที่เป็นพิษ ดังนั้นเนื้อหมูจึงเป็นพาหนะของโรคหลายๆอย่างมายังมนุษย์ เนื้อหมูจึงไม่เหมาะสมที่จะบริโภค
นอกจากเนื้อหมูที่เป็นอาหารต้องห้าม ยังมีอาหารที่ชาวมุสลิมจะต้องไม่รับประทาน เช่น สัตว์ที่ตายในอาการต่างๆ ตายเอง ถูกรัดคอ ถูกตีจนตาย การนำเอาเลือดสัตว์มาทำเป็นอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ต้องห้ามเพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่สะอาดพอ สัตว์ที่ถูกฆ่าจากจุดประสงค์เพื่อบูชารูปเคารพ และเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด นอกจากนี้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด เป็นต้น
ข้อปฏิบัติของศาสนาอิสลามที่ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติมีอยู่ 5 ข้อ
ข้อปฏิบัติของศาสนาอิสลามที่ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติมีอยู่ 5 ข้อ
1. เชื่อในพระองค์อัลลอฮ์ ชาวมุสลิมต้องศรัทธาและเคารพพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว
2. ต้องละหมาดวันละ 5 เวลา
ก่อนจะละหมาด ต้องมีการอาบน้ำละหมาดเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด
วิธีการอาบน้ำละหมาดมีดังต่อไปนี้
วิธีการอาบน้ำละหมาดมีดังต่อไปนี้
- เริ่มล้างมือ พร้อมพูด บิสมิ้ลลา ฮิรเราะฮ์มา นิรร่อฮีม
- ล้างมือทั้งสองข้างจนถึงข้อ มือเริ่มจากขวาไปซ้าย 3 ครั้ง
- เอาน้ำบ้วนปากและใส่จมูกด้วยมือขวา 3 ครั้ง
- ล้างหน้าให้ทั่วเขตหน้า 3 ครั้ง พร้อมเหนียต
“ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาด ซึ่งเป็นฟัรฎู เพื่ออัลลอฮ์ตะอาลา” การเหนียตเป็นการตั้งเจตนาในการละหมาด
- ล้างมือทั้งสองข้างจนถึงข้อศอก 3 ครั้ง เริ่มจากขวาไปซ้าย
- เอาน้ำเช็ดหรือลูบที่ผมเพียงส่วนหนึ่งของเขตศีรษะ 3ครั้ง
- เอาน้ำเช็ดใบหูทั้งสองข้าง ทั้งภายในและภายนอก 3 ครั้ง ทำพร้อมๆกันทั้งสองข้าง
- ล้างเท้าและฝ่าเท้าให้ทั่วทั้งสองข้าง จนถึงตาตุ่ม 3 ครั้ง
ถือว่าเสร็จการละหมาด และพร้อมเข้าพิธีละหมาดได้ การละหมาดเป็นการเข้าเฝ้าพระเจ้า คล้ายกับการสวดมนต์ของศาสนาพุทธ แต่ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติ ทุกวันๆ วันละ 5 ครั้ง ในเวลาต่าง ดังต่อไปนี้
- เช้ามืด ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น
- เที่ยงวันจนถึงบ่ายคล้อย
- เย็น ตั้งแต่คล้อยจนดวงอาทิตย์ตก
- พลบค่ำ หลังดวงอาทิตย์ตกสนสิ้นแสงอาทิตย์
- กลางคืน หลังสิ้นแสงอาทิตย์ จนกระทั่งเช้าของวันใหม่
วิธีการละหมาด
- เริ่มจากการยืนตรงให้หน้าไปทางทิศตะวันตก ทิศที่ตั้งของกะอ์บะฮ์ ซึ่งอยู่ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
- ยกมือขึ้นทั้งสองข้างโดยแบฝ่ามือไปข้างหน้า ให้หัวแม่มืออยู่ระดับติ่งหูทั้งสองข้าง แล้วกล่าวคำว่า "อัลลอฮู่อั๊กบัร" และพร้อมตั้งเจตนา ตามเวลาที่ละหมาด เช่น ข้าพเจ้าละหมาดเช้า ข้าพเจ้าละหมาดบ่าย
- เอามือลง เอามือสองข้างผสานกัน คล้ายกับการเอามือกอดอก
- และยกมือขึ้นที่ระดับติ่งหูอีกข้าง แล้วเอามือลง ก้มศีรษะ โดยโน้มตัวลงเอาฝ่ามือจบเข่า ให้ศีรษะและหลังอยู่ในระดับเดียวกัน
- และยกมือขึ้นในระดับติ่งหูอีกครั้ง พร้อมกับลดตัวลงคุกเข่ากับพื้น เอา ฝ่ามือวางลงที่พื้นให้ปลายนิ้วมือชี้ตรงไปข้างหน้า แล้วก้มลงให้หน้าผากแนบลงกับพื้นและจมูกแตะพื้นปลายนิ้วเท้าแนบพื้น เรียกว่า สุญูด
ถือเป็นท่าในการละหมาดของชาวมุสลิมที่ต้องปฏิบัติในทุกๆวัน วันละ 5 เวลา ดังภาพต่อไปนี้
3. การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
คล้ายกับวันขึ้นปีใหม่ของไทย แต่ศาสนาอิสลาม ไม่มีการเฉลิมฉลอง แต่เป็นการสำรวม ร่างกาย วาจาใจ งดการกิน การดื่มของมึนเมา หรือการมีเพสสัมพันธ์ขณะที่ถือศีลอยู่ ตั้งแต่เริ่มแสงอรุณ จนถึงดวงอาทิตย์ขึ้น จึงเป็นเดือนแห่งการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจ คำพุด การถือศีลอดไม่มีข้อห้ามเรื่องกลืนน้ำลาย ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดเพราะน้ำลายไม่ใช่อาหาร แต่ต้องแปรงฟัน และรักษาความสะอาดของปากและฟันอยู่เสมอ
4. ต้องจ่ายซะกาต ให้ผู้ยากจน
การจ่ายซะกาต คือ การบริจาคทรัพย์ของชาวมุสลิม ศาสนาอิสลามสอนให้ผู้นับถือและศรัทธาในองค์อัลลอฮ์ต้องมีความเมตตากรุราต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มุสลิมต้องรู้จักที่จะให้ ไม่เห็นแก่ตัว
5. ต้องไปทำพิธีฮัจญ์ที่กรุงมักกะฮ์
คือการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ผู้ที่มีความสามารถและความพร้อมทั้ง ทรัพย์ ร่างกาย และจิตใจ แต่ถ้าผู้มำม่มีความสามารถไม่ไปถือว่าไม่ผิด แต่ชาวมุสลิมที่เดินไปทางฮัจญ์ ผู้ชายจะเรียกว่า ฮัยยี ผู้หญิงจะเรียกว่า ฮัญญะ
แนะนำบล็อค "หัวใจของศาสนาอิสลาม"
หัวใจของศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลาม ศาสนาหนึ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในประเทศไทย
ความหมายของอิสลาม คำว่าอิสลามในภาษาอาหรับหมายถึง ยอมจำนน และยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า
สันติ ด้วย ในทางคำสอนทางศาสนาอิสลาม หมายถึง การยอมจำนนต่อพระประสงค์ของอัลลอฮ์
ลักษณะทั่วไปของศาสนาอิสลาม คือ
เป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือ อัลลอฮ์
มุสลิมเป็นคำที่ใช้เรียกผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม มุสลิม คือ ผู้ที่มีความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
และดำเนินชีวิตทุกอย่างก้าวของเขาไปตามคำบัญชาของพระองค์ สำหรับคนที่จะเป็นมุสลิมนั้นจะต้องกล่าวปฏิญาณว่า
"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก อัลลอฮ์ และ นบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์"
ดิฉันจึงมานำเสนอหัวใจหลักสำคัญของศาสนาอิสลามที่สำคัญเช่น
ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม การละหมาด วิธีการอาบน้ำละหมาด วิธีการละหมาดของชาวมุสลิม
ดิฉันจึงได้ลงพื้นที่ไปศึกษาข้อมูลที่มัสยิด มัสยิดก็เปรียบเสมือนบ้านของพระเจ้า มัสยิดดารอสอาดะห์
ตั้งอยู่ที่ ม.17 ถนน นครเขื่อนขันธ์ ตำบล บางพึ่ง อำเภอ พระประแดง จังหวัด
สมุทรปราการ ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก (ชุมชนปากลัด)
1. เชื่อในพระองค์อัลลอฮ์ ชาวมุสลิมต้องศรัทธาและเคารพพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว
2. ต้องละหมาดวันละ 5 เวลา
ก่อนจะละหมาด
ต้องมีการอาบน้ำละหมาดเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด
วิธีการอาบน้ำละหมาดมีดังต่อไปนี้
-
เริ่มล้างมือ พร้อมพูด บิสมิ้ลลา ฮิรเราะฮ์มา นิรร่อฮีม
-
ล้างมือทั้งสองข้างจนถึงข้อ มือเริ่มจากขวาไปซ้าย 3 ครั้ง
-
เอาน้ำบ้วนปากและใส่จมูกด้วยมือขวา 3 ครั้ง
-
ล้างหน้าให้ทั่วเขตหน้า 3 ครั้ง พร้อมเหนียต “ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาด
ซึ่งเป็นฟัรฎู เพื่ออัลลอฮ์ตะอาลา” การเหนียตเป็นการตั้งเจตนาในการละหมาด
-
ล้างมือทั้งสองข้างจนถึงข้อศอก 3 ครั้ง เริ่มจากขวาไปซ้าย
-
เอาน้ำเช็ดหรือลูบที่ผมเพียงส่วนหนึ่งของเขตศีรษะ 3ครั้ง
-
เอาน้ำเช็ดใบหูทั้งสองข้าง ทั้งภายในและภายนอก 3 ครั้ง
ทำพร้อมๆกันทั้งสองข้าง
-
ล้างเท้าและฝ่าเท้าให้ทั่วทั้งสองข้าง จนถึงตาตุ่ม 3 ครั้ง
ถือว่าเสร็จสิ้นการอาบน้ำละหมาด และพร้อมเข้าพิธีละหมาดได้ การละหมาดเป็นการเข้าเฝ้าพระเจ้า คล้ายกับการสวดมนต์ของศาสนาพุทธ แต่ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติ ทุกๆวัน วันละ5ครั้ง ในเวลาต่างๆ ดังต่อไปนี้
- เช้ามืด ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น
- เที่ยงวันจนถึงบ่ายคล้อย
- เย็น ตั้งแต่คล้อยจนดวงอาทิตย์ตก
- พลบค่ำ หลังดวงอาทิตย์ตกสนสิ้นแสงอาทิตย์
- กลางคืน หลังสิ้นแสงอาทิตย์ จนกระทั่งเช้าของวันใหม่
วิธีการละหมาด
- เริ่มจากการยืนตรงให้หน้าไปทางทิศตะวันตก ทิศที่ตั้งของกะอ์บะฮ์ ซึ่งอยู่ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
- ยกมือขึ้นทั้งสองข้างโดยแบฝ่ามือไปข้างหน้า ให้หัวแม่มืออยู่ระดับติ่งหูทั้งสองข้าง แล้วกล่าวคำว่า "อัลลอฮู่อั๊กบัร" และพร้อมตั้งเจตนา ตามเวลาที่ละหมาด เช่น ข้าพเจ้าละหมาดเช้า ข้าพเจ้าละหมาดบ่าย
- เอามือลง เอามือสองข้างผสานกัน คล้ายกับการเอามือกอดอก
- และยกมือขึ้นที่ระดับติ่งหูอีกข้าง แล้วเอามือลง ก้มศีรษะ โดยโน้มตัวลงเอาฝ่ามือจบเข่า ให้ศีรษะและหลังอยู่ในระดับเดียวกัน
- และยกมือขึ้นในระดับติ่งหูอีกครั้ง พร้อมกับลดตัวลงคุกเข่ากับพื้น เอา ฝ่ามือวางลงที่พื้นให้ปลายนิ้วมือชี้ตรงไปข้างหน้า แล้วก้มลงให้หน้าผากแนบลงกับพื้นและจมูกแตะพื้นปลายนิ้วเท้าแนบพื้น เรียกว่า สุญูด
ถือเป็นท่าในการละหมาดของชาวมุสลิมที่ต้องปฏิบัติในทุกๆวัน วันละ 5 เวลา ดังภาพต่อไปนี้
3. การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
คล้ายกับวันขึ้นปีใหม่ของไทย แต่ศาสนาอิสลาม ไม่มีการเฉลิมฉลอง แต่เป็นการสำรวม ร่างกาย วาจาใจ งดการกิน การดื่มของมึนเมา หรือการมีเพสสัมพันธ์ขณะที่ถือศีลอยู่ ตั้งแต่เริ่มแสงอรุณ จนถึงดวงอาทิตย์ขึ้น จึงเป็นเดือนแห่งการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจ คำพุด การถือศีลอดไม่มีข้อห้ามเรื่องกลืนน้ำลาย ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดเพราะน้ำลายไม่ใช่อาหาร แต่ต้องแปรงฟัน และรักษาความสะอาดของปากและฟันอยู่เสมอ
4. ต้องจ่ายซะกาต ให้ผู้ยากจน
การจ่ายซะกาต คือ
การบริจาคทรัพย์ของชาวมุสลิม ศาสนาอิสลามสอนให้ผู้นับถือและศรัทธาในองค์อัลลอฮ์ต้องมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
มุสลิมต้องรู้จักที่จะให้ ไม่เห็นแก่ตัว
5. ต้องไปทำพิธีฮัจญ์ที่กรุงมักกะฮ์
คือการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
ผู้ที่มีความสามารถและความพร้อมทั้ง ทรัพย์ ร่างกาย และจิตใจ แต่ถ้าผู้ที่ไม่มีความพร้อมที่จะไปถือว่าไม่มีความผิด
แต่ชาวมุสลิมที่เดินทางไปทำฮัจญ์ ผู้ชายจะเรียกว่า ฮัยยี ผู้หญิงจะเรียกว่า ฮัญญะ
ข้อห้ามของศาสนาอิสลาม
ข้อห้ามของศาสนาของอิสลามก็คือ ตรงข้ามของข้อปฏิบัติทั้ง 5 ข้อ ยกตัวอย่างเช่น ห้ามตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า หรือ กราบไหว้ ไม่เคารพบูชารูปถ่าย รูปปั้น ไม่มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ ห้ามทำนายหรือเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เป็นต้น แม้กระทั่งเมื่อมุสลิมเสียชีวิตแล้ว ห้ามนำไปผ่า หรือรักษาสภาพไว้ ต้องนำไปฝังภายใน 24 ชั่วโมง และห้ามนำไปเผา ก่อนจะนำไปฝังต้องการละหมาดให้แก่ผู้เสียชีวิตและมีการอาบน้ำละหมาดให้แก่ผู้เสียชีวิตอีกด้วย
ห้ามแต่งกายโดยเปิดเผยหรือไม่สุภาพ ควรแต่งกายให้มิดชิด และอาหารต้องห้ามของศาสนาอิสลาม ก็คือห้ามกินหมู ศาสนาอิสลามทำไมถึงต้องห้ามกินหมู เพราะ หมูเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจและหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องสืบพันธุ์ ไม่ชอบแสงอาทิตย์ เป็นสัตว์ขี้กลัว หมูจะกินแทบทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสกปรกโสโครกเพียงใด มันจะชอบสถานที่สกปรกกว่าที่สะอาด หมูจะเป็นแหล่งที่มีพยาธิที่เป็นพิษ ดังนั้นเนื้อหมูจึงเป็นพาหนะของโรคหลายๆอย่างมายังมนุษย์ เนื้อหมูจึงไม่เหมาะสมที่จะบริโภค
นอกจากเนื้อหมูที่เป็นอาหารต้องห้าม ยังมีอาหารที่ชาวมุสลิมจะต้องไม่รับประทาน เช่น สัตว์ที่ตายในอาการต่างๆ ตายเอง ถูกรัดคอ ถูกตีจนตาย การนำเอาเลือดสัตว์มาทำเป็นอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ต้องห้ามเพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่สะอาดพอ สัตว์ที่ถูกฆ่าจากจุดประสงค์เพื่อบูชารูปเคารพ และเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด นอกจากนี้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด เป็นต้น
ดิฉันได้สัมภาษณ์ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนชาวปากลัดและเป็นผู้ที่ความรู้ในเรื่องศาสนาอิสลาม
คลิปวีดีโอจากการสัมภาษณ์
ขอขอบคุณ
มัสยิดดารอสอาดะห์ และ
ชุมชนปากลัด
นาย(ฮัยยี) อามีน มูซา อดีตกรรมการมัสยิดดารอสอาดะห์
นาย กอเซ็ม ปรีชาศิลป์
ผู้ดูแลมัสยิดดารอสอาดะห์
เกี่ยวกับผู้เขียน
นางสาวณาเดีย โอโน
รหัสนักศึกษา
5505718 COM226/Sec05
กำลังศึกษาอยู่ที่
มหาวิทยาลัยรังสิต
คณะนิเทศศาสตร์
สาขาภาพยนตร์และวีดีทัศน์
หัวใจของศาสนาอิสลาม โดย ณาเดีย อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)